เคพกูสเบอรี่ (Cape gooseberry) หรือ โทงเทงฝรั่ง ชื่อนี้น้อยคนนักที่จะรู้จักและเคยรับประทาน แต่ระยะหลังมานี้ หลายคนน่าจะเคยได้สัมผัสกับรสชาติความอร่อยของเคพกูสเบอรี่มากขึ้น เพราะมูลนิธิโครงการหลวงได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ ให้ปลูกในตอนเหนือของประเทศไทยได้ และยังหาซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลของเคพกูสเบอร์รี่มีลักษณะกลม ขนาดเล็กๆอ้วนกว่าเชอร์รี่เล็กน้อย ลักษณะเด่นของเคพกูสเบอร์รี่ คือ จะมีเปลือกบางๆ ห่อหุ้มผลอีกทีหนึ่ง เมื่อผลสุกมีสีส้มคล้ายมะยงชิด มีรสชาติ หอมหวาน อมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีมากทีเดียว ในปัจจุบัน เคพกูสเบอร์รี่จึงค่อยๆ ได้รับความนิยมในการรับประทานกันมากยิ่งขึ้น
ผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างเคพกูสเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง การรับประทานเคพกูสเบอร์รี่จะรับประทานผลสดๆ แค่แกะเอาเปลือกบางที่หุ้มออกเสียก่อน ทานสดๆ จะได้ประโยชน์สูงสุด สำหรับบางคนที่ต้องการดัดแปลงให้รับประทานอร่อยยิ่งขึ้น อาจนำไปผสมรวมกันกับสลัด จะได้สลัดที่อร่อยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งจาน หรือจะนำไปจิ้มช็อกโกแลตให้เด็กๆ รับประทานง่ายขึ้น ก็อร่อยไปอีกแบบ
เคพกูสเบอร์รี่ จึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย และยังเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอบำรุงสายตาและการมองเห็น และเนื่องจากเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จึงอุดมไปด้วยวิตามินซีพระเอกในการป้องกันไข้หวัด ยิ่งไปกว่านั้น ในเคพกูสเบอร์รี่ยังพบสารแอนไทไซยานิน (Anthocyanins) ที่ลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งประเภท HT-29 และ HCT-116 นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เคพกูสเบอร์รี่ยังเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและลดน้ำหนัก และคนที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ช่วยล้างพิษในร่างกายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไต ลดการอักเสบ ป้องกันการเสื่อมหรือถดถอยของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น หัวใจ และยังทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
เห็นผลเล็กๆ แบบนี้ บอกเลยว่าเคพกูสเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย แม้ชื่อโทงเทงฝรั่งอาจฟังดูตลก แต่เมื่อได้ลองรับประทานแล้วจะติดใจ เคพกู้ดเบอร์รี่สามารถหาซื้อได้ตามซุเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ร้านค้าโครงการหลวง หรือ โกลเด้นเพลส (Golden Place) สาขาต่างๆ
